สคบ. หารือหน่วยงานต่าง ๆ ออกประกาศควบคุมธุรกิจหอพัก เป็นธุรกิจควบคุมสัญญาเพิ่มเติม เพิ่มความเป็นธรรมให้ผู้เช่า ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคออกล่ารายชื่อผู้โดนหอพักเอาเปรียบ เสนอ สคบ. ให้แก้ไขเรื่องสัญญามาตรฐานของธุรกิจหอพัก
พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับหน่วยงานรัฐ 11 แห่ง ในการเสนอให้ออกประกาศควบคุมธุรกิจการให้เช่าหอพักเป็นธุรกิจ ควบคุมสัญญาเพิ่มเติม เพื่อหาช่องทางควบคุมและแก้ปัญหาผู้ประกอบการให้เช่าหอพักคิดค่าน้ำประปา และไฟฟ้าสูงเกินจริง โดยทุกหน่วยงานพร้อมเข้ามาร่วมมือกำหนดมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งจากประกาศเดิมที่เคยออกมาควบคุมธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยที่เรียกเงินประกันเป็นธุรกิจควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2549 อีกด้วย
“สคบ.ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคหลากหลายให้เข้าไปตรวจสอบ และจากที่ลงพื้นที่ไปก็พบว่าบางแห่งคิดราคาค่าน้ำค่าไฟสูงเกินจริง เช่น ค่าไฟหน่วยละ 5 บาท ก็เก็บหน่วยละ 10 บาท ค่าน้ำหน่วยละ 10 บาท ก็เก็บหน่วยละ 17-20 บาท สคบ.จึงได้นัดหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา หาทางควบคุม ก่อนเสนอให้ สคบ.รวบรวมส่งให้บอร์ด สคบ.พิจารณา เพราะเรื่องของธุรกิจหอพักนั้นกระทบกับคนที่มีรายได้น้อย ที่ผ่านมากลุ่มนี้อยากออกมาพูดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หรือหากจะย้ายออกก็ต้องจ่ายเงินก้อนเป็นค่ามัดจำล่วงหน้ากับหอพักใหม่อีก”
ซึ่งทางศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า การให้เช่าที่พักอาศัยนั้น สคบ. ควบคุมเฉพาะเรื่องใบเสร็จ แต่ไม่มีการควบคุมสัญญาการให้เช่า หรือมีสัญญาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งในสัญญาของผู้ประกอบการหลายรายมีการเอาเปรียบผู้บริโภคหลายประเด็น เช่น คิดค่าที่จอดรถทั้งที่ไม่มีรถจอดจริง หรือค่าทาสีห้อง ที่ผู้ให้เช่าห้องมักเรียกเก็บกับผู้เช่าเวลาย้ายออก ซึ่งหากผู้ใดคิดว่าสัญญาเช่าของตัวเองไม่เป็นธรรม สามารถส่งเอกสารสำเนาคู่สัญญาดังกล่าว เช่น การเช่าอพาร์ตเมนต์ หอพัก บ้าน โดยแจ้งชื่อ ที่อยู่ข้อมูลของผู้ร้องมาที่อีเมล [email protected] โดยทางมูลนิธิจะรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อ สคบ.ให้แก้ไข และออกประกาศเรื่องสัญญามาตรฐานต่อไป
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด